การพนันในประเทศไทยถือว่ายังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและผิดพรบ การพนันอยู่ตั้งแต่ปี 2478 เป็นต้นมา แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปของโลก คาสิโนไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ปิดเท่านั้น ยังสามารถเข้าใช้บริการไปทั่วโลกด้วยอินเตอร์เน็ต
บทความนี้เราจะมาพูดถึง พรบ การพนันของไทยว่าจำกัดการพนันไว้ว่าอย่างไร สิ่งไหนเรียกว่าพนัน พระราชบัญญัติเป็นมาอย่างไร รวมไปถึงบทลงโทษทีจะเกิดขึ้นหากฝ่าฝืน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้อ่านจะเข้าใจบริบทของกฎหมายได้มากขึ้น และนำมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์
ความเป็นมาของพรบ.การพนันเริ่มเป็นรูปร่างเด่นชัดเมื่อสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเมื่อหลังจากที่ย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมายังเกาะรัตนโกสินทร์ยังมีการเล่นเบี้ยซึ่งทำให้ประชาชนลุ่มหลงและเมามาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังจำเป็นต้องใช้เงินอากรในบ่อนเบี้ยเพื่อบำรุงประเทศ
จึงเพียงแค่ออกข้อห้ามให้ข้าราชการเล่นบ่อนเบี้ย หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษเฆี่ยน 90 ที และสักรูปถั่วประจานไว้ที่หน้าผาก ส่วนเจ้าของบ่อนที่ยอมให้ข้าราชการเล่นจะต้องถูกเฆี่ยนด้วย 30 ที
ไม่เพียงบ่อนเบี้ยเท่านั้น ยังมีการออกพรบ การพนันห้ามไม่ให้ผู้ใดเล่นพนันชนไก่ เด็ดปลี แทงห่วง และกอบข้าวสาร ทำให้ต่อมารัฐเก็บอาการบ่อนเบี้ยได้น้อยกว่าสมัยอยุธยา ภายหลังจึงแก้ไขให้มีการตั้งโรงหวยในปีพ.ศ. 2374
ต่อมา ไทยได้ยกเลิกภาษีผูกขาดหลายรายการทำให้รายได้ของแผ่นดินลดลง รัฐจึงทำได้ทำการปรับปรุงภาษีอากรใหม่และกำหนดให้มี “ภาษีการพนัน” จากบ่อยเบี้ย
แต่อย่างไรก็ตาม การออกพรบ การพนันที่อนุญาตอย่างถูกกฎหมายเช่นนี้แม้คลังจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่กลับกระทบความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมาก ทำให้เกิดอาชญากรรมทั่วทุกแห่ง จนสุดท้ายจึงได้ทำการยกเเลิกบ่อนการพนันในที่สุด โดยบ่อนพนันทั่วประเทศปิดทั้งหมดพร้อมกันเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2460 รวมไปถึงโรงหวยที่ปิดในปี พ.ศ. 2495
สิบสามปีหลังจากที่ปิดบ่อนพนันทั่วประเทศ ในปี 2473 ได้ออกพรบ การพนันขึ้นมาบังคับใช้เป็นฉบับแรก โดยเนื้อหาของกฎหมายกล่าวไว้ว่าห้ามให้มีการพนันทุกรูปแบบในสมัยนั้น ได้แก่ เด็ดปลี แทงห่วง ทายอึ่ง ทายปลาไหล เสือนอนกิน รูดไม้ดมพัน อีกทั้งยังจับผู้ลักลอบเล่นหวยยี่กีอีกด้วย
ต่อมาได้มีการปรับปรุงพรบ การพนัน แก้ไขล่าสุดในปี พ.ศ. 2478 เพื่อให้ตัวกฎหมายมีความทันสมัย และกลายเป็นพรบ การพนัน 2478 ที่ใช้มาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน
พระราชบัญญัติไม่ได้กำหนดคำนิยามใด ๆ เกี่ยวกับการพนันไว้ หากจะตีคำนิยามจะต้องวิเคราะห์จากข้อกฎหมายมาตราต่าง ๆ รวมไปถึงพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน และคำพิพากษาศาลฎีกาประกอบกันเพื่อให้ได้ความหมายบังคับใช้ ซึ่งแบ่งออกได้ดังนี้
โดยศาลฎีกาวินิจฉัยเกี่ยวกับเล่นพนันไว้ว่า “จะต้องมีลักษณะที่ผู้เล่นเสี่ยงต่อการได้และเสีย” ในขณะที่คณะกรรมการกฎษฎีกา กรรมการร่างกฎหมาย กองที่ 3 ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเล่นพนันว่า “จะถือว่าเป็นการพนันได้ผู้เล่นจะต้องเสี่ยงต่อการเสียประโยชน์”
สำหรับพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ฉบับ พ.ศ. 2542 บัญญัติไว้ว่า “การพนันหมายถึงการเล่นเอาเงิน หรือสิ่งอื่นโดยอาศัยความฉลาด ความชำนาญ เล่ห์เหลี่ยม ไหวพริบ และฝีมือรวมทั้งโชคด้วย” และคำว่า “พนันขันต่อ หมายถึงการพนันซึ่งได้เสียกันโดยวิธีต่อรอง”
และบทบัญญัติบางมาตรของ พรบ การพนัน 2478 เช่น มาตรา 4 “การเล่น ให้ความหมายรวมตลอดถึงการทายและการทำนายด้วย” หรือมาตรา 5 “ผู้ใดจัดให้มีการเล่นซึ่งตามปกติย่อมจะพนันเอาเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแก่กัน” และมาตรา 9 “การเล่นใดที่เสี่ยงโชคให้เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้เล่น” เป็นต้น
ในพรบ การพนัน 2478 ได้แบ่งประเภทของการพนันออกเป็นทั้งหมด 2 ลักษณะด้วยกัน นั่นคือการพนันที่ห้ามเล่นเด็ดขาด และการพนันที่อนุญาตให้เล่นได้ดังนี้
การพนันที่ห้ามเล่นโดยเด็ดขาดมี 26 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ หวย ก.ข., โปปั่น, โปกำ, ถั่ว, แปดเก้า, จับยี่กี, ต่อแต้ม, เบี้ยโบกหรือคู่คี่หรืออีโจ้ง, ไพ่สามใบ, ไม้สามอัน, ช้างงา หรือป๊อก, ไม้ดำ ไม้แดง หรือปลาดำปลาแพง หรืออีดำอีแดง, อีโปงครอบ, กำตัด, ไม้หมุน หรือล้อหมุนทุก ๆ อย่าง, หัวโตหรือทายภาพ, การเล่นซึ่งมีการทรมานสัตว์, บิลเลียดรู ตีผี, โยนจิ่ม, สี่เหงาลัก, ขลุกขลิก, น้ำเต้าทุก ๆ อย่าง, ไฮโลว์, อีก้อย, ปั่นแปะ และอีโปงซัด
ส่วนการพนันที่อนุญาตให้เล่นได้มีทั้งหมด 24 ชนิด ได้แก่ การเล่นต่าง ๆ ซึ่งให้สัตว์ต่อสู้กัน เช่น ชนโค ชนไก่ แข่งม้า, วิ่งวัวคน, ชกมวย มวยปล้ำ, แข่งเรือพุ่ง แข่งเรือล้อ, ชี้รูป, โยนห่วง, โยนสตางค์หรือวัตถุใด ๆ ลงในภาชนะ, ตกเบ็ด, จับสลาก, ยิงเป้า, ปาหน้าคน ปาสัตว์ หรือสิ่งใด ๆ, เต๋าข้ามด่าน, หมาแกว, หมากหัวแดง, ปิงโก, สลากกินแบ่ง, โตแตไลเซเตอร, สวีป, บุ๊กเมกิง, สลากกินแบ่งถูกกฎหมายจากต่างประเทศ, ไพ่นกกระจอก ไพ่ต่อแต้ม ไพ่ต่าง ๆ, ดวด, บิลเลียด, ข้องอ้อย
การพนันตามพรบ.การพนัน 2565ที่อนุญาตให้เล่นได้ จำเป็นจะต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อออกใบอนุญาตและออกตราประทับเพื่อแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการดำเนินการ แน่นอนว่าต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมและภาษีที่ถูกต้อง
สำหรับการพนันที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีใบอนุญาตนั้น หากฝ่าฝืนจะต้องทำการโดนจับและลงโทษตามแต่ประเภทของการพนันที่ละเมิด ซึ่งเราสรุปคร่าว ๆ มาได้ดังนี้
ทั้งนี้สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายการพนันได้ ที่นี่
ถึงแม้เราจะใช้ข้อกฎหมายของ พรบ การพนัน แก้ไขล่าสุด แต่นั่นก็กินระยะเวลามาหลายสิบปีแล้ว นั่นหมายความว่ากฎหมายที่เราใช้อยู่ปัจจุบันค่อนข้างล้าสมัย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องประเภทของการพนันที่ปัจจุบันมีแบบออนไลน์และรับอิทธิพลจากต่างประเทศมากขึ้นอย่าง บาคาร่า สล็อต พนันกีฬา เมื่อกระทำความผิดอาจจะต้องอาศัยการตีความในพระราชบัญญัติเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจทำให้ข้อกฎหมายมีการตัดสินที่ไม่ตายตัวนัก
นอกเหนือจากนี้ ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน ทำให้ค่าเงินในบทลงโทษค่อนข้างน้อยกว่าที่สมควร ด้วยเศรษฐกิจ และค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไป ควรปรับโทษให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้เพราะจะช่วยให้กรอบของกฎหมายนั้นเด่นชัดมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยก็ไม่นิ่งนอนใจแต่อย่างใด พวกเขาได้ออกนโยบายเกี่ยวกับพรบ.การพนัน 2564 อย่างการพนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย เพื่อนำภาษีมาเป็นรายได้ให้กับประเทศ หากมีการเสียภาษีอย่างถูกกฎหมาย เว็บพนันได้เปิดบริการอย่างกว้างขวางขึ้น อาจจะทำให้ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนกันอีกต่อไป
นโยบายดังกล่าวได้มีการกำหนด สถานที่ตั้งคาสิโนถูกกฎหมายในไทย ขึ้นมาอย่างคร่าว ๆ เอาไว้ แต่เหมือนว่าจะได้รับผลตอบรับที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เนื่องจากสังคมไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาการพนันมาอย่างยาวนาน อย่างเช่นหนี้พนันที่ก่อให้เกิดอาชญากรรม จึงทำให้มีหลายฝ่ายอาจไม่เห็นด้วยกับข้อกฎหมายเหล่านี้ และยังยืนยันที่จะให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมายในไทยต่อไป อาจแต่ต้องเพิ่มปรับปรุงคำนิยามของการพนันและประเภทของการพนันให้ละเอียดและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า พรบ การพนันของไทยนั้นยังคงมีความล่าหลังอยู่พอสมควร เนื่องจากถูกบัญญัติขึ้นมาตั้งแต่ปี 2478 เมื่อเทียบกับเวลาปัจจุบันก็หลายสิบปีกันเลยทีเดียว ทำให้อาจไม่ครอบคลุมการพนันออนไลน์รูปแบบใหม่ที่มีในปัจจุบันนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ในทางกฎหมายแล้ว การพนัน ก็ยังคงมีความผิด ยังคงหมายถึงการเล่นที่เสี่ยงต่อผลประโยชน์ของผู้เล่น ทำให้เว็บพนันหลาย ๆ เว็บที่ผิดกฎหมายถูกจับกุมด้วยการตีความลักษณะนี้
ได้แต่หวังว่าจะมีการปรับปรุงหรือแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าวให้มีความทันสมัยมากขึ้น ทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน รวมไปถึงบทลงโทษที่สมเหตุสมผลเพื่อให้ประชาชนรู้เกรงกลัวกฎหมายมากขึ้น